ธนาคารที่ รับไถ่ถอน ขายฝาก

ธนาคารที่ รับไถ่ถอน ขายฝาก

ธนาคารที่ รับไถ่ถอน ขายฝาก กรรมสิทธิ์รวม กรรมสิทธิ์รวม ซึ่งก็คือ ทรัพย์สินที่มีบุคคลผู้คนจำนวนมากเป็นเจ้าของรวมกัน การครอบครองของผู้ครอบครองรวมคนหนึ่งถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนเจ้าของรวมคนอื่นๆด้วย คำวินิจฉัยศาลฎีกาที่ 6237/2541  ที่ดินโต้เถียงตาม น.ส.3 ก. มีชื่อโจทก์จำเลยซึ่งเป็น สามีภริยากันในขณะนั้นเป็นผู้ครอบครองและก็ทำประโยชน์ โดยในบันทึกการสอบสวนสิทธิรวมทั้งพิสูจน์วิธีการทำผลดี เพื่อออก น.ส.3 ก. ได้บอกว่าเชลยยินยอมให้โจทก์ มีสิทธิร่วมด้วย ก็เลยจะต้องฟังว่าเชลยมีเจตนาให้โจทก์มีสิทธิในที่ดินวิวาทกึ่งหนึ่ง แม้นับแม้กระนั้นโจทก์หย่าร้างกับเชลยเป็นต้นมาตรงเวลากว่า 10 ปี โจทก์ไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินโต้เถียง

ธนาคารที่ รับไถ่ถอน ขายฝาก

ก็ถือมิได้ว่าโจทก์มีเจตนาสละการมีไว้ในครอบครอง ด้วยเหตุว่ากรณีต้องด้วยลักษณะผู้ครอบครองรวม ซึ่งส่งผลในทางกฎหมายว่าเชลยครอบครองที่ดินโต้เถียงแทนโจทก์ ตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้มีการแจ้งแปลงลักษณะแห่งการยึดจัดว่าไม่เจตนาจะยึดมั่นที่ดินพิพาทแทนโจทก์อีกต่อไป

สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ย่อมไม่สิ้นสุดลง โจทก์มีสิทธิเรียกเอาที่ดินทะเลาะจากเชลยได้กึ่งหนึ่ง เงินที่สามีภริยาไม่เป็นไปตามกฎหมาย ได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกัน นับว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวมของผัวภริยา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2533  การที่โจทก์และก็จำเลยที่ 1

ถึงที่กะไว้ทะเลาะมาในระหว่างอยู่กินเป็นผัวภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้นถือได้ว่าทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ด้วยกัน มีสิทธิร่วมกันคนละครึ่ง ถึงแม้ที่วิวาทจะมีชื่อเชลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดเพียงผู้เดียวก็เป็นการปฏิบัติแทนโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1

ก็เลยไม่มีสิทธิเอาที่โต้เถียงส่วนของโจทก์ไปจดทะเบียนโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ด้วยเหตุนี้เมื่อเชลยที่ 2 รับโอนที่ทะเลาะมาจากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย จึงเป็นการไม่ซื่อตรง ไม่ผูกพันส่วนของโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงจำเป็นต้องลงทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครองร่วมกันในที่ดินทะเลาะด้วย

สินทรัพย์มรดกที่ยังมิได้แบ่งให้แก่ผู้สืบสกุล ผู้สืบสกุลซึ่งมีสิทธิได้รับสมบัติพัสถานมรดกก็เลยมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์สมบัติมรดกนั้น

คำตัดสินศาลฎีกาที่ 2780/2550 โจทก์ทั้งสี่และก็เชลยเป็นลูกของเจ้ามรดก ที่ดินทะเลาะเป็นทรัพย์สินมรดกที่ยังมิได้ขึ้นทะเบียนโอนแบ่งให้แก่ทายาททั้งยังห้าก็เลยไม่ใช่ของเชลย โจทก์ที่ 2 เป็นทายาทคนหนึ่งและมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินทะเลาะ ก็เลยมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาท รวมทั้งมีสิทธิอยู่ในที่ดินโต้เถียง เชลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งขอให้ไล่ส่งโจทก์ที่ 2

ปรับเงินให้เพิ่มขึ้นจำนำ เกี่ยวกับการ ปรับเงินให้เพิ่มขึ้นจำนำ ซึ่งเป็นการลงทะเบียนที่เกี่ยวกับกระบวนการทำนิติกรรมชนิดหนึ่งซึ่งคือการใช้หลักประกันเดิมและหนี้สินก้อนเดิมแต่เพิ่มจำนวนวงเงินให้สูงขึ้น โดยที่ยังคงใช้คำสัญญาเดิมและเงื่อนไขเดิมทุกอย่าง

ทั้งนี้ขึ้นกับระยะเวลาและความตรงต่อเวลาของการจ่ายเงินตั้งแต่เริ่มกระทำจำนอง หากชำระดีก็อาจจะทำให้มีการไตร่ตรองเพื่อเพิ่มวงเงินใหม่ให้กับผู้จำนอง เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือมีเหตุจำเป็นจะต้องใช้เงินมากไม่น้อยเลยทีเดียวแบบทันทีทันใด

การ ขึ้นเงินจำนอง จึงถือเป็นการทำธุรกรรมทางที่ดินที่เอื้อต่อผู้มีรายได้น้อยแต่มีทรัพย์สินชนิดอาสังหาริมทรัพย์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สามารถแปรเป็นจำนวนเงินได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วทันใจ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้มีต้นทุนสำหรับในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพให้ลืมหน้าอ้าปากขึ้นมาได้

การเขียนทะเบียน เพื่อการ ปรับเพิ่มเงินจำนำ โดยส่วนมากแล้วมักทำขณะที่มีเรื่องฉุกเฉินจริง เพื่อได้ไม่โคนองแบกรับภาระที่นักหนาทางด้านการเงินจนกระทั่งเกินไป ในการ ปรับเงินเพิ่มขึ้นจำนอง นั้น บางทีอาจจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มขึ้นด้วย

โดยทางกรมที่ดินจะมีข้อกำหนดคงที่ลงไปว่าจำเป็นต้องเสียค่าบริการเท่าไร ดังนี้ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ขอเพิ่มด้วยเพื่อความชอบธรรม กับหลายฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้อง รวมถึงพลเมืองที่เข้ามารับบริการในกรมที่ดินให้ได้รอยยิ้มกลับไป เพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินอย่างอื่นที่เกิดขึ้นมาจากแนวทางการทำไร่ ทำสวน นอกเหนือจากการสร้างที่พักอาศัย รีชูว่าครบวงจรในที่ดินผืนเดียว เพื่อต่อยอดให้มีมูลค่าเยอะขึ้น

ไถ่ถอนจากทุนเดิม การ ไถ่ถอนจากทุนเดิม นับว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของการไถ่คืนถอนจากการจำนำที่ดิน โดยในส่วนนี้นั้นจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเป็นหนี้ก้อนใหม่ แต่ว่าจะใช้จากทุนเดิมที่มีอยู่มาใช้ในการจัดการไถ่คืน ซึ่งมีระยะเวลากำหนดตายตัวอยู่แล้วว่าควรทำช่วงใด

เวลาไหน จากที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือสัญญาการจำนอง ไถ่คืน เพื่อให้เป็นที่เข้าใจตรงกันของผู้จำนองแล้วก็ผู้เสียสละจำนอง สำหรับในการไถ่คืนจำนอง ผู้จำนองควรจะแจ้งล่วงหน้า 3-5 วัน เพื่อนัดไถ่ถอนที่กรมที่ดิน กระบวนการทำธุรกรรมหรือนิติกรรมทางที่ดินเกี่ยวกับการ

ไถ่คืนจากทุนเดิม มีคุณสมบัติต่างๆของผู้มีสิทธิ์ อาทิเช่น บุคคลที่มีสิทธิไถ่สินทรัพย์ที่ขายฝากคืนได้ ผู้ขายฝากหรือทายาทของคนขายฝาก คนรับโอนสิทธิการถอนเงินคืน บุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้ บุคคลที่มีสิทธิให้ไถ่คืนได้

ผู้รับซื้อฝากหรือถ้าเกิดผู้รับซื้อฝากตายก่อนถึงกำหนดเวลาไถ่ คนขาย ฝาก จำเป็นต้องไปขอไถ่จากผู้สืบสกุลของผู้รับฝาก คนรับโอนทรัพย์สินที่ขายฝากนั้น จากคนซื้อฝากเดิมดอกผลของสินทรัพย์ ที่ขายฝากที่เกิดขึ้นในระหว่างวิธีขายฝากดอกผลของเงินทองที่ขายฝากซึ่งเกิดขึ้นใน

ระหว่างแนวทางการขายฝากย่อมตกเป็นของผู้บริโภคฝาก ค่าธรรมเนียมตอนทำข้อตกลงขายฝาก ผู้บริโภคฝากเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียม เพื่อการ ไถ่คืนจากทุนเดิม ที่มีความถูกต้องชัดเจน กระจ่าง แล้วก็ครบถ้วนสมบูรณ์ จากการจำนำ ที่สามารถจะช่วยให้ได้รับสินทรัพย์ทั้งสังหาริมทรัพย์แล้วก็อสังหาริมทรัพย์กลับมาอย่างรวดเร็ว จึงจำต้องศึกษาข้อมูลต่างๆอย่างระมัดระวังก่อนที่จะมีการนำเงินแบบต่างๆมาจำนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านและที่ดิน

ก่อนลงลายลักษณ์อักษรขายฝาก ต้องเข้าใจตั้งเวลาไถ่คืน

อาจมีหลายท่านที่มีอสังหาริมทรัพย์แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปขายฝากเพื่อได้เงินทุนมาใช้หมุนเวียน ซึ่งแม้ท่านนำสินทรัพย์ไปขายฝาก พวกเราหวังว่าท่านจะรู้ว่า วิธีขายฝากหมายถึงสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในเงินตกไปยังคนซื้อ โดยมีกติกากันว่าผู้ขาย บางทีอาจไถ่ทรัพย์สมบัตินั้นคืนได้ในขณะหรือก่อนถึงกำหนดไถ่ถอน

เรียกได้ว่าเป็นการขายที่ให้โอกาสให้ไถ่คืนในช่วงเวลาที่จำกัดนั่นเอง คำสัญญาขายฝากเป็นสัญญาที่เจ้าของในสินทรัพย์เป็นของผู้รับซื้อฝากเมื่อจดทะเบียน ซึ่งคนขายฝากจะได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนจะต้องขอไถ่ถอนข้างในกำหนดเวลาข้อตกลงขายฝาก

หรือภายในช่วงเวลาที่ข้อบังคับกำหนด กรณีอสังหาริมทรัพย์มีกำหนด 10 ปี นับแต่เวลาซื้อขาย กรณีสังหาริมทรัพย์มีกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่เวลาซื้อขายแลกเปลี่ยน สัญญาขายฝากควรจะมีระบุระยะเวลาว่าจะไถ่คืนกันเมื่อใด แม้กระนั้นจะกำหนดเวลาการไถ่คืนกันเกินกว่าที่ข้อบังคับกำหนดไม่ได้

ถ้าไม่มีกำหนดเวลาแน่ๆหรือกำหนดเวลาไถ่เกินไปกว่านั้นให้ต่ำลงมาเป็น 10 ปี แล้วก็ 3 ปี ตามประเภทสินทรัพย์ การขยายกำหนดเวลาไถ่ ผู้ขายฝากแล้วก็คนรับซื้อฝากจะลงลายลักษณ์อักษรเพิ่มเวลาไถ่กี่ครั้งก็ได้ แต่ว่ารวมกันแล้ว จำเป็นที่จะต้องไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก

แล้วก็ควรมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของผู้รับซื้อฝาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดและก็ตรวจดูให้ดี คือ ข้อตกลงขายฝาก โดยก่อนลงชื่อในข้อตกลงขายฝาก อีกทั้งผู้รับซื้อฝากรวมทั้งคนขายฝากควรจะตรวจสอบเนื้อความในสัญญาขายฝากว่าถูกต้องตามปรารถนาหรือเปล่า ที่สำคัญอย่าลืมเช็คระบุช่วงเวลาไถ่คืน จำนวนเงินที่ขายฝากตรงตามที่รับเงินใช่หรือไม่ เพื่อคุ้มครองป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ที่ดินรกร้างกับอัตราภาษีที่ดินใหม่ จากการที่มีการปรับอัตราภาษีที่ดินใหม่ขึ้น สิ่งที่น่ากังวลและได้รับผลกระทบมากมายกับอัตราภาษีฉบับนี้ก็คือ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินไม่ ที่ดินรกร้างที่ไม่มีการใช้คุณประโยชน์อันใดเลย โดยเฉพาะที่ดินที่ปล่อยทิ้งเอาไว้เป็นเวลายาวนานมากกว่า 3 ปีขึ้นไป

จากจุดมุ่งหมายของการจัดเก็บภาษีที่ดินแล้วก็สิ่งก่อสร้างใหม่ที่อยากให้มีการกระจัดกระจายการครอบครองที่ดินให้ทั่วถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่ามีเพดานภาษีได้ไม่เกิน 1.2 ซึ่งใน 2 ปีแรกสำหรับเพื่อการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งไว้รกร้างว่างเปล่าหรือเปล่าได้ทำประโยชน์พอควรแก่สภาพ

ตามพระราชบัญญัติ ให้ใช้อัตราภาษีตามค่าของฐานภาษีดังต่อไปนี้ ที่ดินเปล่า แม้ที่ดินไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไป ในปีที่ 4 จะถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม 0.3% แล้วก็ถูกเก็บเพิ่ม 0.3% ทุกๆ3 ปี ไปเรื่อยๆโดยที่เพดานสูงสุดจะขยับจาก 1.2 % เป็น 3% ด้วยเหตุผลดังกล่าว

ถ้าหากพวกเราปล่อยให้ที่ดินรกร้างเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆก็จะยิ่งทำให้อัตราการจ่ายภาษีทบตัวสูงขึ้นไปเรื่อย0.3% ทุกๆ3 ปี ไปจนกระทั่ง 3.0% ที่เป็นเพดานสูงสุด ด้วยเหตุนี้ แม้ไม่ต้องการจ่ายค่าภาษีที่ดินเปล่าเยอะๆ โดยไร้ประโยชน์ก็ควรทำที่ดินโน่นๆให้มีประโยชน์

ไม่ว่าจะเป็นการปลูกที่พักที่อาศัยหรือทําการกสิกรรม ทั้งนี้พวกเราอาจปลดปล่อยให้เกษตรกรเช่าที่ดินเพื่อทำรับประทานก็ได้ สำหรับคนที่ไม่อยากลงทุนลงแรงเองมากสักเท่าไรนัก อย่างต่ำก็ไม่ต้องสูญเงินเยอะแยะไปโดยไม่มีประโยชน์

ปลอมหนังสือมอบอำนาจผู้มอบอำนาจจะต้องยอมสารภาพไหม เพราะว่าเดี๋ยวนี้มีพวกมิจฉาชีพที่ทำงานเลียนแบบแปลมเอกสารเยอะมาก ฉะนั้นก็เลยต้องระมัดระวังอยู่ตลอด ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยก็น่าจะสงสัยกันใช่ไหมว่า ถ้าเกิดถูกผู้รับมอบอำนาจปลอมเอกสารโดยมีชื่อพวกเราเป็นผู้มอบฉันทะล่ะ

เราจำเป็นที่จะต้องยอมรับผิดด้วยหรือไม่ โดยพวกเราก็จะมาไขปัญหาในหัวข้อนี้กัน หนังสือมอบอำนาจถูกเลียนแบบ จำต้องยอมสารภาพไหม ถ้าเกิดคุณถูกบุคคลอื่นเลียนแบบหนังสือมอบฉันทะขึ้นมา โดยบอกชื่อของคุณเป็นผู้มอบอำนาจ และก็ไปทำการที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความทรุดโทรมต่อบุคคลอื่น

ซึ่งตามเดิมและจากนั้นก็ไม่ต้องยอมรับผิด ถ้าหากคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารนั้นเลย และไม่ได้มีต้นเหตุที่เกิดจากความเลินเล่อของตัวคุณด้วย แต่หากเป็นความผิดของคุณส่วนใดส่วนหนึ่งล่ะก็ คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน กรณีไหนที่จำเป็นต้องยอมสารภาพ

สำหรับกรณีที่คุณจะต้องรับผิดกับการถูกปลอมแปลงเอกสารมอบอำนาจ ก็คือการที่คุณประมาทประมาทจนถึงทำให้ผู้อื่นนำชื่อของคุณไปใช้กระทำผิดได้นั่นเอง ดังเช่น จำนอง ขายฝาก การที่คุณลงชื่อในใบมอบอำนาจเปล่าไว้ หรือเขียนใบมอบอำนาจ ให้กับผู้รับมอบอำนาจ แต่มิได้บอกว่ามอบอำนาจเรื่องอะไร

ก็เลยเป็นช่องโหว่ให้พวกมิจฉาชีพปฏิบัติได้ ทราบอย่างนี้แล้วหากไม่อยากที่จะให้ภัยมาถึงตัว ก็อย่าได้ประมาทสะเพร่าเด็ดขาด รวมทั้งการจะมอบอำนาจให้กับคนใดกันแน่ก็จำเป็นต้องเจาะจงให้แจ้งชัด รวมทั้งทำต่อหน้าพยานจะเป็นเรื่องดีที่สุด ที่สำคัญอย่าได้เผลอลงชื่อเอาไว้ภายในใบมอบอำนาจแบบเปล่าๆเลยเชียว ไม่อย่างนั้นภัยอาจมาถึงคุณโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว

การเตือนการเขียนใบมอบอำนาจที่ผู้มอบอำนาจต้องระมัดระวัง การมอบอำนาจถือเป็นหัวข้อสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เลย เนื่องจากว่าถ้าคุณทำใบมอบอำนาจขึ้นมาโดยไม่เล่าเรียนให้ดี ก็อาจเกิดความบกพร่องที่จะนำปัญหาใหญ่โตมาสู่คุณได้ โดยวันนี้เราก็ได้นำการเตือนสำหรับผู้มอบฉันทะมาบอกกันด้วย ไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง

1.อย่าเขียนใจความคนจำนวนไม่น้อย สำหรับการเขียนข้อความเพื่อมอบอำนาจ ผู้มอบฉันทะควรเขียนด้วยตัวเองแล้วก็เขียนด้วยลายมือเพียงผู้เดียวเพียงแค่นั้น เนื่องจากว่าจะมีปัญหาเมื่อพิจารณาลายมือนักเขียนนั่นเอง

2.แม้มีการปรับแต่ง จำเป็นต้องกล่าวว่า…. ในเรื่องที่มีการปรับแก้ข้อความบนใบมอบอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการลบ เพิ่มคำเข้าไปหรือขีดฆ่า ผู้มอบอำนาจจึงควรเซ็นชื่อกำกับตรงจุดที่ปรับปรุงด้วยทุกจุด รวมทั้งจะต้องกำหนดไว้ด้วยว่ามีการปรับปรุงแก้ไขยังไง กี่คำ

3.อย่าลงลายมือชื่อ ถ้ายังกรอกไม่ครบ ถ้าใบมอบฉันทะยังไม่ครบบริบรูณ์ หรือยังไม่ได้เขียนข้อความใดลงไปเลย ผู้รับมอบอำนาจไม่สมควรลงนามไว้เด็ดขาด ซึ่งเคยมีในกรณีที่ผู้มอบฉันทะเขียนลายเซ็นไว้ในหนังสือมอบอำนาจไม่ และมีคนแอบนำไปแอบอ้างมาแล้ว

4.ควรมีผู้เห็นเหตุการณ์ระหว่างที่ทำหนังสือ ข้อนี้สำคัญมาก ก่อนจะทำหนังสือมอบอำนาจควรให้ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน รวมถึงพยานด้วย แล้วจึงทำหนังสือมอบสิทธิ์ขึ้นมาเฉพาะหน้าผู้เห็นเหตุการณ์นั่นเอง แล้วก็นี่ก็คือคำตักเตือนในการทำหนังสือมอบสิทธิ์ ที่ผู้มอบฉันทะจำเป็นต้องระวังให้ดีนั่นเอง ไม่อย่างนั้นจะเจอกับปัญหาเยอะแยะตามมาได้ ซึ่งคงไม่ดีแน่

กลับสู่หน้าหลัก